การจัดการโรงแรมแบบแฟรนไชส์โดยที่ปรึกษาธุรกิจโรงแรม

ในระยะเริ่มแรก เจ้าของธุรกิจมักเป็นผู้ดำเนินงานด้านบริหารเองทั้งหมดอย่างอิสระเพราะกิจการยังมีขนาดเล็ก จึงสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง และเมื่อสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจแก่แขกที่มาเข้าพักได้จำนวนมาก ก็ย่อมมีการขยายกิจการเป็นเครือโรงแรม หรือเชน (Chain) ทำให้เกิดการว่าจ้างให้ผู้อื่นมาบริหารจัดการแทนภายใต้ 2 รูปแบบ คือ สัญญาจัดการ (Full Management Contract) หรือ HMA (Hotel Management Agreement) และการจัดการในระบบธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Management) ซึ่งรูปแบบหลังนี้ได้กลายมาเป็นรูปแบบของการจัดการโรงแรมระดับนานาชาติส่วนใหญ่ในปัจจุบัน และกำลังเริ่มเป็นที่นิยมในไทยเช่นกัน แต่อาจมีผู้ประกอบการโรงแรมหลายท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับโมเดลดังกล่าว ในฐานะที่ PCL เป็นที่ปรึกษาธุรกิจโรงแรม เราจึงอยากอธิบายรายละเอียดและวิเคราะห์เกี่ยวกับโมเดลนี้ในมุมต่างๆ ให้คุณได้ทราบ

handshake between two mens

การจัดการโรงแรมแบบแฟรนไชส์ คืออะไร

การจัดการโรงแรมแบบแฟรนไชส์เป็นข้อตกลงร่วมทางธุรกิจที่ “Franchisor” หรือบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์โรงแรมให้สิทธิ์ในการดำเนินการแก่ “Franchisee” หรือผู้รับสิทธิ์ในการใช้ชื่อแบรนด์โรงแรม วิธีการดำเนินธุรกิจและวางระบบต่างๆ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดย Franchisee จะมีการจ่ายค่าตอบแทนให้ Franchisor ในฐานะเจ้าของระบบเป็นรายปี หรือแล้วแต่จะตกลงกัน ตัวอย่างโรงแรมชื่อดังที่เป็น Franchisor ได้แก่ กลุ่ม Accor ที่มีแบรนด์อย่างโรงแรม Sofitel, Swissôtel, Novotel และ Ibis เป็นต้น ซึ่ง The Erawan Group เป็นกลุ่มบริษัทที่บริหารโรงแรมเองภายใต้แบรนด์โรงแรม Ibis ในประเทศไทย 

โมเดลธุรกิจนี้จึงแตกต่างจากการจัดการภายใต้สัญญาจัดการหรือ HMA ตรงที่เจ้าของโรงแรม (Owner) ว่าจ้างตัวแทนในฐานะผู้ดำเนินการ (Operator) ที่เป็นแบรนด์โรงแรมดังหรือมีความเชี่ยวชาญมาบริหารจัดการโรงแรมของตน โดยการลงทุนรวมถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและทรัพย์สินทั้งหลายยังเป็นของเจ้าของอยู่เหมือนเดิม ซึ่งที่ปรึกษาธุรกิจโรงแรมอย่างเรามองว่า การจัดการธุรกิจขึ้นความอยู่กับความต้องการของเจ้าของกิจการ หากเจ้าของกิจการต้องการมีส่วนร่วมในการบริหารกิจการโมเดลธุรกิจ Franchise จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการเจ้าของกิจการที่ต้องการมีส่วนร่วมการบริหารได้มากกว่าในขณะที่การบริหารแบบ Full Management เจ้าของไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการบริหาร เพราะสิทธิ์ขาดในการบริหารจะเป็นของผู้ดำเนินการ ในกรณีนี้ เจ้าของอาจมีส่วนร่วมในตัดสินใจบางอย่าง เช่น ช่วยคัดเลือก GM หรือ ผู้บริหารบางตำแหน่งที่จะเข้ามาบริหารโรงแรม เป็นต้น 

จุดเด่นของการจัดการโรงแรมแบบแฟรนไชส์ในมุมของ Franchisee

  • ในทรรศนะของที่ปรึกษาด้านการบริหารโรงแรม การได้แบรนด์โรงแรมที่เป็นที่รู้จักดีในระดับประเทศหรือนานาชาติมาบริหาร ลูกค้ามีความมั่นใจและมีความเชื่อมั่นในแบรนด์สูงกว่า อาจจะดีกว่าสร้างแบรนด์เอง ซึ่งใช้เวลาและเงินทุนเยอะกว่าจะติดตลาด 
  • ได้มีส่วนในการบริหารโรงแรมเองอย่างเต็มรูปแบบเจ้าของควรมีประสบการณ์และความชำนาญในการบริหารโรงแรมสากลเพื่อให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ หรือมีอาจมีการจ้างตัวแทนที่มีความชำนาญและประสบการณ์เข้ามาร่วมบริหาร
  • Franchisee จะได้รับ Know-how จากFranchisor ในขอบเขตที่จำกัดทั้งนี้รวมถึงระบบจัดการบริหารที่ความสำคัญ เช่น การเงิน การจัดซื้อ การฝึกอบรม ทั้งนี้ควรจะหาผู้เชี่ยวชาญในด้านการบริหารโรงแรมเข้ามามีส่วนร่วม

ที่ปรึกษาด้านการโรงแรมช่วยคุณเลือกแฟรนไชส์ได้อย่างไร

ในฐานะที่ PCL ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงแรมยาวนานกว่า 20 ปี  PCL จะเริ่มตั้งแต่สอบถามเจ้าของกิจการว่ามีความต้องแบบไหน อยากบริหารเอง หรืออยากให้บริษัทอื่นมาบริหารแทน ชอบแบรนด์โรงแรมไหน จากนั้น PCL  จะดูรายละเอียดของงบประมาณ ที่ดิน ความต้องการของตลาด ความเสี่ยง เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการเลือกแบรนด์โรงแรมที่จะมาทำแฟรนไชส์ ซึ่งมีแบรนด์โรงแรมให้เลือกอย่างหลากหลายเพื่อให้ตรงใจกับเจ้าของกิจการมากที่สุดและด้วยประสบการณ์อันยาวนานในแวดวงธุรกิจโรงแรมชั้นนำ ที่ปรึกษาธุรกิจโรงแรมจึงสามารถให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคุณได้อย่างแน่นอน